หนังสร้างจากเรื่องจริง น่าดู
หนังสร้างจากเรื่องจริง น่าดู เรื่อง 50/50 (2011) ขอบคุณมากรีวิวจาก หมื่นทิพ จริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้น่าจะทำให้คนดูรู้สึกเศร้า หดหู่ไปกับชะตากรรมของ ‘อดัม’ (Joseph Gordon-Levitt) ที่จู่ ๆ ก็พบว่าตัวเราเองเป็นมะเร็งไขสันหลัง มีโอกาสรอดแค่ 50-50 ทั้งยังเขาชมแลตัวเองอย่างยอดเยี่ยมมาทั้งชีวิต
แต่คำตอบของหนังกลับสร้างวิชาความรู้สึก Feel Good ให้กับคนชมอย่างดีที่สุดครับ เนื่องจากว่าหนังอุดมไปด้วยอารมณ์ขัน เปี่ยมความคาดหมาย หนังสร้างจากเรื่องจริง น่าดู ที่สามารถผสมกับอารมณ์ดราม่าได้อย่างกลมกล่อม โดยหนังผลิตขึ้นมาจากเรื่องจริงของ Will Reiser หนุ่มที่สู้กับมะเร็งด้วยการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และเขาก็ยังอยู่มาได้จนถึงรายวันนี้ครับผม โดย Reiser เขียนบทหนังหัวข้อนี้ด้วยตัวเอง และเขาก็เป็นเพื่อที่จะนกับ ‘เซ็ธ โรเจน’ ที่มาส่อให้เห็นเป็นเพื่อที่จะนซี้ของอดัมด้วย
เรื่องราวของอดัม (หรือ Reiser ในชีวิตจริง) มอบบทศึกษาเล่าเรียนสำคัญให้กับมนุษย์ทุกท่านว่าเรานั้นมีสิทธิ์เฟ้นได้เสมอไปยามจึงควรเหน้าจอกับเรื่องร้าย เหน้าจอข้อขัดแย้ง หรือเผชิญกับปัญหา พวกเราจะเลือกเฟ้นได้ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหนต่อจากนี้เป็นต้นไป สมมุติว่าเราเหลือเวลาอีกแค่ 1 ปีเท่านั้น ถ้าเราเลือกที่จะจมอยู่กับความเศร้าไปตลอด 1 ปีมันก็คือสิทธิ์ของเราครับผม แต่ขณะเดียวกันเราก็มีสิทธิ์ 100% ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความน่ายินดี เราสามารถเติมแต่ละนาทีในชีวิตด้วยอะไรดี ๆ อีกหมื่นแสนที่รอให้พวกเรารู้สึกมันอยู่
The Raincoat Killer (2021)
สารคดีของฆาตรกรต่อเนื่องสุดโหดแห่งเกาหลีใต้ ‘ยูยองชอล’ เขาได้ฆ่าเหยื่อไปกว่า 20 ราย ในกรุงโซล เริ่มจากเหยื่อที่เป็นเศรษฐีสูงอายุถูกฆาตรกรรมอยู่ภายในบ้าน ตามมาด้วยเหยื่อที่เป็นผู้ให้บริการทางเพศ ด้วยแนวทางฆ่าที่โหดร้าย ทั้งทุบ ทั้งชำแหละศพ และนำไปฝัง หนังhd แต่ละคดีเราก็จะได้ปรากฏภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุ ที่ส่งผ่านวิชาการสึกนึกคิดของฆาตรกรเลือดเย็นคนนี้
ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง โดยเฉพาะเวลานี้ที่เราทุกคน ต่างร่วมกันประสบเหตุการณ์สุดบีบจิตไปด้วยกัน ในเวลาที่พวกเราหันไปให้ความเข้มแข็งพร้อมที่จะต่อสู้คนรอบข้าง ก็จำเป็นจะต้องหันกลับมาให้ความเข้มแข็งพร้อมที่จะต่อสู้ตัวเราเองอีกด้วยแน่ะ ตัวละครของรูปยนตร์ทั้ง 5 เรื่อง หนังสร้างจากเรื่องจริง น่าดู ต่างก็เจอสถานการณ์ดิ่งหน้าไม่ต่างกับเรา ถึงจะเป็นคนละเรื่องคนละเหตุการณ์ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรเลยกับ COVID-19 ที่เราเผชิญอยู่ช่วงนี้ แต่หมวดหมู่เขาพวกนั้นก็ยิ้มสู้กับความท้าหลายอย่างในชีวิต จนเอาชนะปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมาได้ บทเรียนรู้ชีวิตที่สมจริงและรับรู้ได้ ที่มีอยู่ด้านในรูปยนตร์ 5 เรื่องนี้ ก็เหมาะเหม็งกับการจับขึ้นมาดูในในขณะนี้ ที่เราต่างกลายร่างเป็นนางเฝ้าบ้านกันทุกท่านจริง ๆ จ้ะ
New Year Blues
รูปยนตร์ที่สร้างจิตใจที่เข้มแข็งพร้อมเผชิญกับทุกเรื่องให้กับคนมีรักและความคาดหวัง หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันปีใหม่ ชายผู้หญิง 4 ผู้คนที่อยู่กันคนละมุมโลก คนหนึ่งจัดเตรียมตัวที่จะแต่งงานกับชาวต่างด้าว คนหนึ่งประสบความสำเร็จในบทบาทการงานและคิดจะขอแฟนแต่งงาน อีกคนถูกผู้ชายทราม ๆ บอกเลิก แถมยังมีอีกผู้คนที่จำยอมจึงควรเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของสามีเก่า พวกเขาต่างจำเป็นที่จะต้องเจอกับช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของชีวิต ทั้งสิ้นนี้คือเหตุการณ์ความรักสุดโรแมนติก ที่เราจำเป็นจะต้องมาชมกันว่าพวกเขาจะจัดแจงความหวาดกลัวต่ออนาคตที่จะต้องพบได้อย่างไร
ถ้าผู้ใดเป็นแฟนของ ‘Love Actually’ ก็น่าจะตกหลุมรักรูปยนตร์ประเด็นนี้ได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าจะดูเบาส่วนที่ใช้ในการประมวลผลกว่ากันเยอะ แต่ภาพยนตร์ประเด็นนี้ก็สามารถนำมาซึ่งการทำให้ปรากฏแง่มุมเล็ก ๆ แต่สำคัญในชีวิตของพวกเราได้เป็นผล ดูหนังเกาหลีเต็มเรื่อง โดยเฉพาะจุดกำเนิดและจุดสิ้นสุดของความเกี่ยวพัน เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนชีวิตคนหนุ่มสาววัยทำงาน ที่ถ่ายทอดออกมาในแบบอย่างของการส่งมอบจิตใจที่เข้มแข็งพร้อมเผชิญกับทุกเรื่อง
ได้ปรากฏอารมณ์ของมนุษย์ หรือแม้แต่คำอธิบายศัพท์ของชีวิต มากไปกว่านั้นรูปยนตร์ประเด็นนี้มีฉากสวยงามของ ‘บัวโนสไอเรส’ อาร์เจนตินา ซึ่งน่าจะก่อให้ชาวพวกเราที่กักตัวจาก COVID-19 หายเหงาขึ้นมาได้ ไม่ได้เที่ยวจริง ๆ ดูเป็นรูปและเสียงก็ยังดี และถ้าข้อขัดข้องในชีวิตรักของคุณกำลังทำให้คุณกลุ้มใจ รูปยนตร์หัวข้อนี้คงอาจจะเป็นเพื่อที่จะนซี้ที่มาปลุกวิญญาณของคุณก็เป็นไปได้
Coach Carter (2005)
ไปอ่านเหน้าจอมาว่ามีคนดู Coach Carter แล้วพิจารณาถึง ‘อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน’ ในอดีตนักบริหารกลุ่มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งนับเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับในการชี้แนะให้ท่านหาแรงบันดาลใจจากหนังหัวข้อนี้ สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยเฟอร์กูสัน ผมขอแนะนำเขาสั้น ๆ ว่าเขาเป็นผจก.ทีมที่เคร่งเรื่องวินัยกระตุ้นให้เกิดกลุ่มสปิริท และเป็นคนที่เก่งสำหรับในการโน้มน้าวจิตใจนักเตะในกลุ่มให้ทำอย่างที่เขาต้องการ ทั้งคู่อย่างนี้ทำให้ผู้คนเคารพเขาและนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการบรรลุผลจำนวนมากตลอดการคุมกลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หนังผลิตจากเรื่องจริงของ ‘โค้ชคาร์เตอร์’ (Samuel L. Jackson) เริ่มต้นเป็นโค้ชบาสเก็ตบอลทีมโรงเรียนรู้ริชมอนด์ ซึ่งกำลังอยู่ในตอนไม่มีกฎเกณฑ์วินัยแถมหมู่เขายังมีผลการเรียนที่ล่มจมอีกต่างหาก เขาเข้ามาเป็นโค้ชโดยตั้งระเบียบว่าทุกท่านจึงควรได้ลำดับขั้น 2.3 ขึ้นไป, จำเป็นที่จะต้องเข้าเรียนรู้ทุกคาบ, นั่งเล่าเรียนแถวหน้าสุด และยังจำเป็นจะต้องบรรจุสูทผูกไทตอนไปแข่ง ถ้าทำมิได้ตามนี้ก็หลุดพ้นจากทีมได้เลย ซึ่งความมีวินัยของเขาได้สร้างทีมสปิริทที่ดีจนทำให้สร้างสถิติไม่แพ้คนไหนตลอดฤดูกาลชิงชัยบาสเก็ตบอลไฮสคูล
หนังมีมุมที่น่าดึงดูดไม่เหมือนจากหนังกีฬาเรื่องอื่น ๆ ที่มักจะโฟกัสอยู่ที่ชัยชนะในเกมกีฬา แต่ Coach Carter สร้างมาจากเรื่องจริงของโค้ชที่มีการทำงานที่เคยทำมาเป็นแดูป์เปี้ยนชั้นไฮสคูลแต่ได้เห็นได้ชัดเพื่อที่จะนเข้าร่วมกลุ่มผู้คนจำนวนมากล้มเหลวไม่เป็นท่านอกสนามแข่งขัน หนังสร้างจากเรื่องจริง น่าดู เขารับงานด้วยความคาดหมายว่าลูกกลุ่มของเขาจำเป็นจะต้องได้เรียนต่อลำดับขั้นสถาบันระดับปริญญา ดังนั้นการคุมกลุ่มของคาร์เตอร์ก็เลยจำเป็นที่จะต้องสร้างกติกาให้หมวดหมู่เขา ‘เล่าเรียนพอได้ดิบได้ดี กีฬาจำเป็นที่จะต้องให้โดดเด่น’
การประสบความสำเร็จด้านใดด้านหนึ่งเกิดเรื่องที่ดี แต่ในเกรดกีฬาวัยมัธยมแล้ว หมู่เขายังอยู่ด้านในเส้นทางการเฟ้นใช้ชีวิต ต่อให้คว้าแชมป์บาสเก็ตบอลลำดับชั้นประเทศก็ใช่ว่าจะการันตีเส้นทางอาชีพในภายภาคหน้า กีฬาเก่งแต่เล่าเรียนเลวร้ายก็มิได้ศึกษาเล่าเรียนต่อ ท้ายสุดก็ล้มเหลวในชีวิต
แต่หากเรียนผ่านแล้วยังเก่งกีฬาด้วยก็สามารถไปต่อได้จนสุดทาง อุดมการณ์ของโค้ชคาร์เตอร์จึงจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้การเรียนและนักกีฬาหลายคนได้พึงตระหนักถึงจุดสำคัญของวิชาความรู้ ตลอดจนวินัยการใช้ชีวิตไม่ให้หลงระเริงไปกับชัยชนะและปาร์ตี้ที่จะมาบ่อนทำลายการบรรลุเป้าหมายในต่อมา
Coach Carter เป็นแบบอย่างหนังกลุ่มกีฬาที่ดีที่บอกเราว่าการบรรลุเป้าหมายมันเกิดขึ้นจากการเล่นเป็นทีม แพ้เป็นกลุ่ม ชนะเป็นกลุ่ม ล้มเหลวร่วมกัน ได้ผลไปร่วมกัน ไม่เว้นแม้จนกระทั่งเรื่องการศึกษา คุณจะเรียนดีโดยไม่คอยดึงเพื่อที่จะนร่วมทีมขึ้นมาไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดใดๆก็ตามหมู่คุณจึงควรรับผิดชอบเป็นทีม นี่จึงเป็นหนังที่สร้างแรงจูงใจทั้งในเรื่องของทีมสปิริทและอุดมการณ์ที่กระจ่าง
House of Secrets : The Burari Deaths (2021)
เหตุการณ์การฆ่าตัวตายปัญหาของครอบครัวหนึ่งในประเทศอินเดีย ที่สมาชิกครอบครัวใหญ่ทั้ง 11 คนถูกพบเป็นศพ สภาพถูกมัดมือมัดเท้าและห้อยคอจนเสียชีวิต โดยมีเค้าหน้าการแขวนเหมือนกับรากของต้นไทร จนกลายมาเป็นคำถามใหญ่ที่ทั้งอินเดียควรต้องสอดส่องมอง ซึ่งเวอร์ชั่นการตายนี้อาจจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง จะเป็นการฆ่าตัวตาย? ฆาตรกรรม? และการฆ่าทั้ง 11 คนใน1 ครั้งกันมันเป็นได้มั๊ย สารคดีนี้จะมีฟุตเทจจริงๆ ดังที่กำเนิดสาเหตุให้ดู
American Murder: The Family Next Door (2020)
คดีคนหายสุดสะเทือนขวัญเมื่อ ‘ชาแนน วัตต์’ หนังสร้างจากเรื่องจริง น่าดู หายตัวไปพร้อมกับลูกอีกสองคน โดยมีผู้ต้องสงสัยคือ ผู้เป็นทั้งพ่อและสามี ‘คริสโตเฟอร์ วัตต์’ ซึ่งมีการสืบสวนยาวนานหลายวัน โดยจะเป็นการเรียบเรียงเรื่องราวผ่านฟุตเทจจากกล้องวงจรปิด และกล้องมือถือต่างๆ ทำให้เราได้รับชม ภาพจริง เสียงจริงและสถานการณ์จริงๆเลย
Don’t F*** With Cats: Hunting an Internet Killer (2019)
สารคดีสะเทือนขวัญคนรักแมว จากเรื่องจริงในปี 2010 ที่มาจากคลิป ‘1 Boy 2 Kittens’ ใน Youtube ซึ่งเป็นการฆ่าแมวอย่างโหดร้าย โดยการทำให้ขาดอากาศหายใจตายด้วยเครื่องดูดฝุ่น จนทำให้ชาวเน็ตเห็นว่านี่อาจเป็นพฤติกรรมที่ทำซ้ำนำไปสู่การเป็น ‘ฆาตกรต่อเนื่อง’ ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวนักสืบออนไลน์ที่ร่วมกันแกะรอยและตามล่าหาตัวฆาตกรคนนี้ ที่มีเป้าหมายมากกว่าแค่ความตายของน้องแมว
Intouchables (2011) ขอบคุณรีวิวจาก หมื่นทิพ
คำกล่าวที่ว่า “แม้จะมีเงินมากแค่ไหน ก็หาซื้อเพื่อนแท้สักคนไม่ได้” นับว่าเหมาะกับหนังเรื่องนี้อย่างยิ่ง
หนังสร้างจากเรื่องจริงของ ‘ฟิลิปป์’ มหาเศรษฐีที่ประสบอุบัติเหตุเป็นอัมพาตจนต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต แน่นอนครับว่ามันทำให้ชีวิตของเขาไร้ซึ่งความสุข แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้จ้างหนุ่มผิวดำนามว่า ‘อับเดล เซลลู’ (แต่ในหนังจะใช้ชื่อว่า บาคารี บาสซารี่ หรือ ดริสส์ แทน) มาดูแลเขา ซึ่งจุดที่อับเดลแตกต่างจากคนดูแลรายก่อน ๆ คือเขาเป็นคนตรง จริงใจ และไม่ประนีประนอม หรือว่าง่าย ๆ คือเขาไม่ตามใจฟิลิปป์ครับ เช่น ถ้าอะไรที่เขาเห็นว่าฟิลิปป์ไม่ควรทำแต่ฟิลิปป์ยังรั้นที่จะทำ เขาก็จะไม่ยอมครับ ต่อให้จะทะเลาะ จะด่า หรือจะไล่ออกอับเดลก็ไม่แคร์ และนั่นล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพระหว่างพวกเขา ที่ใช้ความจริงใจและความเป็นตัวของตัวเองเป็นสื่อสัมพันธ์
หนังให้อารมณ์ Feel Good แบบ Feel Real ครับ สนุกมาก ๆ และหนังยังมอบสาระว่าด้วยเรื่องมิตรภาพให้กับผู้ชม ให้เราตระหนักครับว่า “ความจริงใจไม่ใส่หน้ากาก” นี่เองคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราได้เจอกับมิตรแท้ แม้ตอนแรกมันจะขลุกขลักเพราะอาจมีการขัดใจกันบ้าง แต่หากต่างฝ่ายต่างปรับตัวเข้าหากัน และเปิดใจยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น สิ่งเหล่านี้ล่ะครับที่จะทำให้มิตรภาพก่อตัวอย่างมั่นคง
Best Friend
หน่วยสอดแนมนำโดยหัวหน้าทีม ‘ยูแดกวอน’ (จองอู) ทำตามคำสั่งของรัฐบาลในการสอดแนมผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ‘อีอึยชิก’ (โอดัลซู) ภารกิจหลักคือการสอดแนมอีอึยชิกและครอบครัว ที่ถูกคุมขังในบ้านหลังกลับจากต่างประเทศ สมาชิกหน่วยสอดแนมแฝงตัวเป็นครอบครัว ที่ย้ายเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนบ้านใหม่ของ อีอึยชิก และเริ่มปฏิบัติการทำตัวเป็นป้าข้างบ้านทันที แต่ยิ่งเขาสอดแนมการสนทนาของครอบครัวของ อีอึยชิก มากเท่าไหร่เขาก็พบความจริงที่ว่า อีอึยชิก อาจไม่ใช่นักการเมืองคดโกงอย่างที่รัฐบาลกล่าวหา การตัดสินใจที่วัดคุณธรรมในหัวใจของ ยูแดกวอน จึงเกิดขึ้น
บ่อยครั้งเราต้องเผชิญกับประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมในชีวิต หนังสร้างจากเรื่องจริง น่าดู แต่การตัดสินใจอย่างถูกต้องอาจเป็นเรื่องยุ่งยากและบางครั้งก็เป็นเรื่องส่วนตัว ในภาพยนตร์เรื่องนี้แดควอนได้รับคำสั่งให้เป็นหัวหน้าทีมเฝ้าระวังของรัฐบาล เขาจะฝ่าฝืนคำสั่งและยืนหยัดเคียงข้าง อีอึยชิก เพื่อช่วยเหลือเขาในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีได้หรือเปล่า
มีตัวเลือกไหนอีกไหมที่จะทำให้เขาผ่านวิกฤติศีลธรรมนี้ไปได้ หยุดยาวรอบนี้เลือกภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจ ไม่เสียเวลาแน่นอนค่ะ การันตีความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย อันดับ 1 KOREAN BOX OFFICE ที่มียอดจำหน่ายตั๋วถึง 424,864 ใบ รายได้เท่าไหร่นั้น ก็ราว ๆ ร้อยล้านบาทไทยกว่า ๆ เท่านั้นเองจ้ะ จิ๊บ ๆ เนอะ
The Diving Bell and the Butterfly (2007)
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับคนพิการเป็นอัมพาตทั้งตัว ทำได้เพียงกระพริบตาข้างซ้ายเพื่อสื่อสาร และคงเหลือสมองสำหรับจินตนาการและความทรงจำ หนังสร้างจากเรื่องจริง น่าดู สร้างจากหนังสือที่เขียนโดย ‘ฌ็อง โดมินิค โบบี’ อดีตบรรณาธิการนิตยสาร Elle ผู้ป่วยอัมพาตที่เขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยวิธีการกระพริบตาข้างซ้ายข้างเดียว ด้วยความอดทนของผู้คอยจดคำบอกเล่าเรื่องราวของฌ็อง โดมินิคผ่านการไล่ตัวอักษรทีละตัว ถ้าเป็นตัวอักษรที่เขาต้องการ เขาจะกระพริบตาตอบ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นคำ เป็นประโยค และเป็นรูปเล่มหนังสือในที่สุด
หนังมีส่วนเรื่องราวจินตนาการเล็กน้อย Jean-Dominique เปรียบข้อจำกัดร่างกายตัวเองเป็นนักประดาน้ำแต่สมองของเขายังทำงานสร้างจินตนาการเรื่องราวต่าง ๆ เหมือนผีเสื้อที่โบยบินอย่างอิสระ ดังนั้นจึงมีจะบางฉากในหนังที่เป็นภาพจินตนาการเพื่อบอกภาวะในใจของเขา
เทคนิคการถ่ายภาพทำให้คนดูเหมือนอยู่ในหัวของผู้ป่วยอัมพาต การโฟกัสภาพเสมือนว่าเราสามารถมองผ่านตาซ้ายข้างเดียว ควบคู่ไปกับการบรรยายความคิดของผู้ป่วยอัมพาตพูดไม่ได้ มันทำให้เราเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้น และสำคัญกว่านั้นสำหรับผมคือ “เราควรจะถามความต้องการของคนรอบข้างมากกว่าคิดเอาเอง”
แม้หนังจะไม่เชิงให้กำลังใจในการใช้ชีวิตตรง ๆ แต่การได้เห็นผู้ป่วยอัมพาตไม่ยอมจำนนต่อความพิการมันจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เราอดทนกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่น่าจะสาหัสไปกว่าเขา